"Fukushima ที่ยังงดงาม"


นอกจากเมืองยอดฮิตของญี่ปุ่นที่คนไทยชอบมาเที่ยวกันแล้ว เราจะพามาดูกันว่าที่เมือง FUKUSHIMA (ฟูกุชิมะ) ที่ได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงามมากมาย รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ จะมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันค่ะ

DAY1 (29/01/2018)

หลังจากที่เดินทางมาถึงสนามบินฮาเนดะ ที่ญี่ปุ่นแล้ว เราจะนั่งรถไฟ Monorail เพื่อเดินทางไปสถานี Ueno และ เดินทางต่อไปยังอิวากิ โดยนั่งรถไฟ JR.Hitari No.5

ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึง สถานีอิวากิ ที่แรกที่เราจะพาเที่ยวกันคือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฟูกุชิมะ (Aquamarine Fukushima) เป็นสถานที่ที่เกิดเหตุการณ์สึนามิ เมื่อปี 2011 ทำให้พิพิธภัณฑ์เกิดความเสียหาย ต่อมาปี 2013 ได้มีการปรับปรุงและสร้างขึ้นพิพิธภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล, สัตว์น้ำ และระบบนิเวศต่างๆ

หลังจากเราไปดูสัตว์น้ำแล้ว ก็ไปสวนมะเขือเทศชื่อดังอย่าง Wonder Farm ที่เป็นสวนมะเขือเทศที่เปิดมาประมาณ 3 ปี มีขนาดใหญ่กว้างเท่าสนามฟุตบอล 3 สนาม ที่นี่มีการเพาะเลี้ยงมะเขือเทศโดยใช้ปุ๋ยมะพร้าว และให้สารอาหารที่มะเขือเทศต้องการ มีพันธุ์มะเขือเทศมากถึง 11 ชนิด ที่เด็ดกว่านั้นเราสามารถเก็บมะเขือเทศจากต้นสดๆ ชิมได้เลย

ตกเย็นก็เริ่มเดินทางเข้าสู่ที่พักกันคะ วันนี้เราพักกันที่โรงแรม Spa Resort Hawaiians หลังจากอาหารเย็น ทางโรงแรมมีโชว์การแสดงระบำฮาวาย ไว้ให้เราดูด้วยนะคะ (เริ่มการแสดงเวลา 20.30 น. ใช้เวลาในการแสดงประมาณ 1 ชั่วโมง)

DAY2 (30/01/2018)

วันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสภาพอากาศที่หนาวมากกกค่ะ ติดลบ 1 องศา

เช้านี้ออกจากโรงแรมไปที่ศูนย์พิพิธภัณฑ์สิ่งแวดล้อม Komyutan Fukushima เพื่อให้ระลึกถึงความเสียหาย จากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ (แผ่นดินไหว,สึนามิ, นิวเคลียร์ระเบิด) เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำอีก โดยการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด (พลังงานลม, แสงอาทิตย์) และได้ชมเรื่องสั้นของฟุกุชิมะ ที่มีการบูรณะจากการโดนภัยธรรมชาติจนถึงปัจจุบัน

และวันนี้เรามีแพลนจะไป สนามรถแข่ง Ebisu Circuit แต่ๆๆๆๆ อากาศหนาวจัดมากกกก หิมะปกคลุมถนน (ถนนทั้งเส้นเป็นสีขาวค่ะ) เลยอดไปทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงโปรแกรมแบบด่วนๆๆ T T

เลยเปลี่ยนแพลนไปดูสัตว์แทนที่    โทโฮกุ ซาฟารี (Tohoku Safari Park)   ที่อยู่ใกล้ๆ กับสนามรถแข่ง Ebisu Circuit โดยปกติแล้วเนี่ยจะได้นั่งรถรางเข้าไปในซาฟารี แต่มีหิมะปกคลุมถนน จึงต้องเปลี่ยนมานั่งรถตู้แทน ทำให้เห็นแค่สัตว์บางชนิดที่สามารถอยู่กับความหนาวเย็นได้ เช่น อัลปาก้า ม้าลาย สิงโต และระหว่างทางก็สามารถเปิดกระจกให้ขนมอัลปาก้าและม้าลายที่วิ่งตามรถมาได้ด้วย ขอบอกว่าสัตว์ที่นี่น่ารักมากๆ ค่ะ

และเราได้ไปดู  ลูกสิงโตสีขาว  ที่แยกเลี้ยงไว้ในห้องต่างหาก น่ารักมากกกกก ไม่สามารถอุ้มน้องได้นะคะเจ้าหน้าที่จะอุ้มไว้ให้เราเล่นค่ะ แต่จับลูบหัว ลูบเท้าได้ ขนน้องนิ่มมาก

จากนั้นเดินทางไปร้านอาหารในโรงแรม DakeOnsen เป็นอาหารไคเซกิ เยอะมากกก แต่มื้อนี้มีเวลากินแค่แปปเดียวค่ะ เพราะเกิดความล่าช้าจากโทโคกุ ซาฟารี แอบเสียดายนิดหน่อยที่มีเวลากินน้อยเกิน

หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปต่อกันที่ ทะเลสาบอินาวะชิโระ (Lake Inawashiro) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ในญี่ปุ่น มีกิจกรรมให้ขนมปังนกเป็ดน้ำกับหงส์ เยอะมากกกเยอะจนน่าขนลุก (จริงๆแล้วเรากลัวสัตว์ปีกมากค่ะ ทำใจอยู่นาน TT)

หลังจากนั้นก็เข้าที่พัก โรงแรม Grandeco Resort กินมื้อเย็นในโรงแรม เป็นอาหารสไตล์ฝรั่งเศส

DAY3 (31/01/2018)

วันนี้ตื่นเช้ามาพบกับตัวเลขที่ติดลบอีกแล้ว วันนี้ -9 องศา กริ๊ดดดด

เช้านี้หลังจากทานบุฟเฟต์ทางโรงแรมแล้ว ก็นั่งรถตู้ของโรงแรมออกไปที่ “Grandeco snow resort” รีสอร์ทของอุทยานแห่งชาติบันดาอิ-อาซาฮิ เมื่อถึงสกีรีสอร์ทก็นั่งกระเช้าสูง 1,390 เมตร ขึ้นไปดูลานสกีที่มีผู้คนมาหัดเล่นสกีและสโนว์โมบิล อีกอย่างหิมะที่นี่เป็นแบบ Snow Powder ด้วยสวยมากๆๆ ค่ะ

จากนั้นเราไปหาของกินกันต่อค่ะ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเมืองราเม็งของฟุกุชิมะ นั่นคือ เมืองคิตะกะตะ แน่นอนมื้อเที่ยงวันนี้นั่นก็คือราเม็งนั่นเอง (Kurayashiki Azamasa) จะบอกว่าอากาศหนาวๆ เนี่ยได้กินราเม็งน้ำซุปโชยุร้อนๆ หอมๆ  โอ้ยอร่อยยยยยย…….

แพลนถัดมาเราจะไป ชมสะพานข้ามแม่น้ำทาดามิ เป็นจุดชมรถไฟสายทาดามิ แต่ตอนไปถึงที่จังหวะไม่พอดีกัน เลยทำให้ไม่ได้วิวรถไฟ แอบเสียดายนิดๆ และได้เดินขึ้นไปจุดชมวิวทั้ง 3 จุด ระยะทางประมาณ 300 เมตร ตอนเดินรู้สึกเหมือนไกลกว่านั้น แอบเหนื่อย(มากๆๆ) จุดชมวิวนี่ฟินสุด วิวสวยม๊ากมากกกก แต่ก็หนาวม๊ากกกเช่นกัน ทางเดินขึ้นไปจุดชมวิวแต่ละจุดว่ายากแล้ว ตอนเดินลงนั้นยากกว่า แทบจะสไลด์ลงมาเลยจ้า 5555555

จากนั้นเดินทางสู่หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku) เป็นหมู่บ้านโบราณขึ้นชื่อของฟุกุชิมะ ได้แวะชิมของขึ้นชื่อของที่นี่ นั่นก็คือออ ‘โซบะต้นหอม’ แค่ชื่อก็ไม่อยากกินแล้ว ยิ่งได้กลิ่นต้นหอมยิ่งอื้อหื้ออ (ต้องบอกก่อนว่านุ่นเนี่ยไม่ชอบต้นหอมเอามากๆ เลยค่ะ) และยังต้องใช้ต้นหอมม้วนเส้นแทนตะเกียบอีกด้วย TT แต่โซบะต้นหอมอร่อยอยู่นะคะ หลังจากชิมโซบะต้นหอมเสร็จ ก็ได้เดินชมหมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku) ที่มีหิมะปกคลุมทั่วบริเวณ ขาวโพลนไปหมด

สถานที่ต่อมาเราเดินทางไปยัง Butokuden ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ต้องสำรวมนิดนึงค่ะ ได้ชมการฝึกซ้อมเค็นโด้ จะเริ่มฝึกกันเวลา 19.00-20.00 และมีการสาธิตขั้นพื้นฐานของการเล่นเค็นโด้

และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย เวลากินมื้อเย็นนั่นเอง! “ซูชิสายพาน”(Kappa Sushi) อยู่ใกล้ๆ โรงแรม Route Inn (ที่เราจะพักกันคืนนี้คะ) แอบหนักของหวานมากกว่าของคาวอีก แฮ่ๆ พอทานเสร็จขอตัวเข้าโรงแรมไปพักผ่อนดีกว่าเหนื่อยมาทั้งวันละ

DAY4 (01/02/2018)

ดีใจกับเช้านี้ที่ตื่นมาเจอกับอากาศที่ไม่หนาวมาก แค่ -2 องศา

วันนี้เรารีบออกจากโรงแรมไป ปราสาทไอสุวากามัตสุ เป็นปราสาทสวยที่ล้อมด้วยแม่น้ำ และเป็นปราสาทที่มีหลังคาสีแดงเหลือเพียงที่เดียวในญี่ปุ่น และในสมัยเอโดะเคยโรงเรียนสอนซามุไร ได้เดินชมภายในของปราสาท ที่เป็นพิพิธภัธฑ์เกี่ยวกับซามูไร แต่ตอนนี้ปราสาทได้มีการซ่อมแซม เพราะปราสาทเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด ถึงจะเกิดความเสียหาย แต่ปราสาทก็ยังคงความสวยงามเพราะมีหิมะปกคลุมอยู่

จากนั้นเดินทางสู่โรงเหล้า Kaeikura เข้าไปดูโรงหมักสาเกและได้ชมสาธิตการหมักสาเกและชิมสาเกรสชาติต่างๆ

มื้อเที่ยงวันนี้ขอฝากท้องไว้กับร้าน Shibukawadon-ya เป็นเซ็ตอาหารท้องถิ่น เป็นเมนูปลาเกือบทุกอย่าง กินปลาเยอะเกินจนจะว่ายน้ำได้อยู่แล้ว 555555

จากนั้นไปต่อกันที่ วัดนิชชินคัง ได้เพ้นท์วัวแดงและตุ๊กตาล้มลก (ต้องใช้สอยเวลาอย่างประหยัด รีบบ) และเดินชมพิพิธภัณฑ์วัดนิชชินคังที่เป็นโรงเรียนซามุไรมาก่อน

หลังจากเที่ยวมาทั้งวันคืนนี้เรามาพักกันที่โรงแรม Matsuriya Yuzaemon (เรียวกัง) ตั้งอยู่ที่น้ำพุร้อน Iizaka onsen ของเมือง Fukushima เป็นหนึ่งในน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในพื้นที่

ในส่วนของห้องพักที่นี่มีบริการทั้งหมด 26 ห้อง โดยมี 2 ห้องที่ด้านใน มีห้องอาบน้ำ onsen ในห้องพัก เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ส่วนตัวของ onsen กันอีกด้วยค่ะ

DAY5 (02/02/2018)

ตื่นเช้ามาอากาศวันนี้ยังคง -3 องศา

วันสุดท้ายแล้วสำหรับทริป FUKUSHIMA ฮือๆๆๆ ไม่อยากกลับเลย ก่อนกลับเช้านี้จะพาไปชมบรรยากาศ SABAKOYU ONSEN (ออนเซนรวมชาย&หญิง) และบรรยากาศความสวยงามของเรียวกังรอบๆ เมือง ที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 100ปี

จากนั้นเราไป สถานีรถไฟฟุกุชิมะ เพื่อเดินทางสู่ อูเอโนะ โดยรถไฟชินคันเซ็น และต่อด้วยสกายไลน์เนอร์ที่สถานีอูเอโนะ เพื่อเดินทางสู่ นาริตะ เดินทางกลับสู่ประเทศไทย

เรื่องและภาพโดย : นุ่น ตริตา

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โปรแกรมเดินทางใน Fukushima ได้ที่ Telephone.: 02 634 8877

Website: www.worldsurprise.com/tours/collective/ Instagram: www.instagram.com/worldsurprisetravel Line: @worldsurprise

Comments

comments