Puglia Beautiful Adriatic Coast
1 – 9 พฤษภาคม 2567
โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า (LH)
DAY 1
พ. 1 พ.ค. 67
กรุงเทพฯ – มิวนิค

20.30 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณชั้นผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 

เจ้าหน้าที่ เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก

23.00 น. โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH 773 นำท่านเหินฟ้าสู่ มิวนิก ประเทศเยอรมนี
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11.20 ชม.)

DAY 2
พฤ. 2 พ.ค. 67
มิวนิค – บารี – กราวิน่า อิน ปูเลีย – สะพานส่งน้ำเวียด็อตโต เดลลา มาดอนนา เดลลา สเตลลา – มาเทรา

เช้า

05.20 น. ถึงท่าอากาศยาน มิวนิก ประเทศเยอรมนี แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง (ประมาณ 5.30 ชม.)

เช้า อาหารเช้า อิสระตามอัธยาศัย ภายในท่าอากาศยานมิวนิก

10.50 น. โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH9468 นำท่านเหินฟ้าสู่ บารี ประเทศอิตาลี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.35 ชม.)

12.25 น. ถึงท่าอากาศยานบารี่ ในแคว้นปุเลีย ประเทศอิตาลี หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว นำท่านสู่ภัตตาคาร

กลางวัน

อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ กราวิน่า อิน ปูเลีย (Gravina In Puglia) เมืองที่ได้ชื่อว่า “เมืองแห่งโบสถ์หิน” และเป็นเมืองที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 8 ประสูติ

ส่วนหนึ่งของเมืองประกอบด้วยเมืองถ้ำบนหน้าผาหินและโบสถ์ที่สกัดจากหินทางฝั่งตะวันตกของหุบเขา มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ผู้คนเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ชาวเมืองที่นี่ปลูกองุ่นมานานกว่า 1,200 ปี ไวน์ที่ผลิตที่นี่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพ และความสด กลิ่นหอมของไวน์มีลักษณะเฉพาะที่เป็นเอกลักษณ์ในภาคใต้ของอิตาลี

แล้วนำท่านสู่ จุดชมวิว สะพานส่งน้ำเวียด็อตโต เดลลา มาดอนนา เดลลา สเตลลา (Ponte Acquedotto Viadotto della Madonna della Stella) สะพานหินแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1743 และแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1778 เพื่อเป็นทางเชื่อมวิหารมาดอนน่า เดลเล กราซี ซึ่งเป็นโบสถ์ที่มีส่วนหน้าอาคารสวยงามสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1602 กับโบสถ์มาดอนนา เดลลา สเตลลา ซึ่งเป็นโบสถ์ในถ้ำหินที่มีเพียงห้องเดียว ในภายหลังสะพานหินนี้ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นสะพานส่งน้ำ

จากจุดชมวิว ท่านจะได้เห็นวิวของสะพานส่งน้ำ และฉากหลังเป็นตัวเมืองที่สวยงามอยู่บนหน้าผาสูงชันของหุบเขาโทเรนเต กราวินา และสะพานนี้ยังเป็นฉากหนึ่งในภาพยนต์เจมส์ บอนด์ 007 No Time To Die ในฉากที่เจมส์ บอนด์หนีผู้ไล่ตามด้วยการกระโดดจากสะพาน

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ มาเทรา เมืองแห่งขุนเขา มีการเจาะเขาจนกลายเป็นถ้ำเพื่ออยู่อาศัย ความโดดเด่นนี้ทำให้เมืองนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

แล้วนำท่านสู่โรงแรมที่พัก อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ

อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Aquatio Cave Luxury Hotel & SPA หรือในระดับเดียวกัน

DAY 3
ศ. 3 พ.ค. 67
มาเทรา – นครถ้ำโบราณ – หุบเขามาเทรา – โปลิยาโน่ อา มาเร – ชมเมือง – เตอเร่ คานเน่

เช้า

อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินชม นครถ้ำโบราณ อันงดงามซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาหิน มีข้อสันนิษฐานกันว่าเมืองแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ 9,000 ปีก่อน ด้วยวัฒนธรรมที่มีมาอันยาวนานทำให้เมืองโบราณแห่งนี้ถูกจัดเป็นหนึ่งในมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโกเมื่อปีค.ศ.1993

ลักษณะเด่นของมาเทราคือที่พักอาศัย ซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้วิธีการ เจาะถ้ำเข้าไปในภูเขาหิน หรือแกะสลักออกมา ปัจจุบันดัดแปลงเป็นทั้งที่อยู่อาศัย ร้านค้า และร้านอาหาร

จากนั้น นำท่านเดินชมบริเวณหุบเขารอบเมืองมาเทรา ซึ่งให้ความรู้สึกและสัมผัสที่ต่างจากปุเลีย ซึ่งเป็นที่ราบลุ่ม ให้ท่านได้เดินสำรวจพื้นที่ซึ่งประกอบด้วยหุบเขาและถ้ำจำนวนมาก

กลางวัน

อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ โปลิยาโน่ อา มาเร เมืองเล็กๆบนผาริมทะเล เมืองได้นี้ชื่อขนานนามว่าเป็นอามัลฟี่แห่งปุเลีย ภายในเมืองมีบรรยากาศที่สวยงามและเต็มไปด้วยร้านอาหารทะเลที่มีรสชาติเยี่ยม 

นำท่านชม เขตเมืองเก่า ของที่นี้ ที่มีมาตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีก่อน ถนนส่วนมากเป็นถนนสายเล็ก สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ โดยเฉพาะ เจลาโต้ หรือ ไอศครีมแบบอิตาลี ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของเมืองนี้

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ เตอเร่ คานเน่ เมืองชายฝั่งทะเลอะเดรียติก

ค่ำ

อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Canne Bianche หรือในระดับเดียวกัน 

DAY 4
ส. 4 พ.ค. 67
เตอเร่ คานเน่ – อัลเบโรเบลโล – โรงงานชีสบูร์ราต้า – E-Bike – โลโคโรทอนโด – มาร์ตินา ฟรังกา – เตอเร่ คานเน่

เช้า

อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ อัลเบโรเบลโล หนึ่งในเมืองมรดกโลกของอิตาลี ซึ่งมีจุดเด่นคือ Trulli หรือเรียกง่ายๆว่า บ้านปลายดินสอ เป็นบ้านเรือนที่ก่อขึ้นมาจากหินปูนและมีหลังคาทรงกรวย สร้างขึ้นด้วยวิธีการสร้างบ้านแบบโบราณที่เรียกว่า ดรายสโตน หรือ หินแห้ง ซึ่งเป็นการก่อหินแต่ละก้อนให้เรียงต่อกันอย่างแน่นหนาโดยไม่ต้องอาศัยปูนซีเมนต์ ซึ่งบ้านปลายดินสอเหล่านี้ มีอายุมากกว่า 600 ปี 

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตชีสบูร์ราต้า ชีสบูร์ราต้าเป็นชีสสดที่มีแหล่งกำเนิดในปุเลีย ทำจากนมวัวเหมือนชีส  มอสซาเรล่า แต่มีความแตกต่างกันคือ ชีสบูร์ราต้า จะมีครีมอยู่ข้างในเนื้อชีส ด้านนอกมีลักษณะคล้ายไข่ขาวที่ค่อนข้างเหนียว ภายในจะมีครีมเหมือนน้ำข้นๆ รสชาติมัน และไม่เค็มมาก

ให้ท่านได้ชมขั้นตอนวิธีการทำชีสบูร์ราต้าและลิ้มลองรสชาติชีสที่เพิ่งทำออกมาสดๆ

จากนั้น ให้ท่านได้เปลี่ยนบรรยากาศกับการปั่นจักรยานสู่ โลโคโรทอนโด เมืองเล็กๆสีขาว เป็นเมืองที่มีการสร้างเมืองเป็นวงกลมจนมีชื่อเล่นว่า เมืองกลม นอกจากนี้ ยังจัดว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดในอิตาลีเมืองหนึ่งอีกด้วย ให้ท่านได้ชมตัวเมืองสีขาวตามตรอกซอกซอยที่เงียบสงบและสวยงาม สร้างจากหินสีขาว

กลางวัน

อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ มาร์ตินา ฟรังกา เมืองโบราณอันงดงาม ในอดีตเมืองแห่งนี้มีกำแพงเมืองสี่ด้านล้อมรอบ มีประตูทางเข้า 4 ประตู และหอคอย 24 แห่ง ปัจจุบันหอคอยบางแห่งได้ถูกทำลายลงเพื่อสร้างถนน เข้าสู่ตัวเมือง แต่ประตูทั้งสี่ด้านยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้

ท่านจะได้เดินผ่านประตูเข้าสู่ใจกลางตัวเมืองเพื่อชมสิ่งก่อสร้างอันงดงามต่างๆ เช่น โบสถ์และบ้านเรือนที่ตกแต่งด้วยศิลปะแบบบาร็อค

ค่ำ

อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Canne Bianche หรือในระดับเดียวกัน 

DAY 5
อา. 5 พ.ค. 67
เตอเร่ คานเน่ – เลชเช – เมืองเก่าเลชเช – ไร่ไวน์ลิเวลี่ – เตอเร่ คานเน่

เช้า

อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินทางมุ่งหน้าลงใต้สู่ เลชเช เมืองหลวงของจังหวัดซาเลนโต้ ซึ่งอยู่เกือบทางใต้สุดของอิตาลี เลชเชมีสมญานามว่า ฟอเรนซ์แห่งแดนใต้ เนื่องจากเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความสวยงามและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรม

ตัวเมืองเลชเช มีสถานที่น่าสนใจมากมาย เช่น ซากอัฒจันทร์ในสมัยอาณาจักรโรมัน โบสถ์และอาคารที่วิจิตรงดงามซึ่งตกแต่งด้วยศิลปะแบบบาร็อคจากศตวรรษที่ 17

กลางวัน

อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ไร่ไวน์ลิเวลี่ ซึ่งเป็นไร่และโรงงานผลิตไวน์ขนาดใหญ่และมีชื่อเสียง ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเลชเช ไร่ไวน์แห่งนี้เป็นของตระกูลฟัลโว ซึ่งประกอบธุรกิจการผลิตไวน์มานานกว่า 40 ปี

ปัจจุบันไร่แห่งนี้มีอาณาเขตกว่า 33,000 ตารางเมตร ภายในมีทั้งไร่องุ่น สำนักงาน โรงงานผลิตไวน์ และโกดังเก็บไวน์ ให้ท่านได้เดินชมขั้นตอนการผลิตไวน์ และลองลิ้มรสไวน์ท้องถิ่น หนึ่งในสินค้าสำคัญอีกอย่างของปุเลีย

ค่ำ

อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Canne Bianche หรือในระดับเดียวกัน 

DAY 6
จ. 6 พ.ค. 67
เตอเร่ คานเน่ – ไร่มะกอก – ทดลองชิมน้ำมันมะกอก
ชั้นเรียนทำอาหารอิตาเลียน – เตอเร่ คานเน่

เช้า

อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านสู่ ไร่มะกอก น้ำมันมะกอกจัดเป็นหนึ่งในสินค้าสำคัญของปุเลีย จนถึงขนาด มีคำเปรียบเปรยว่าเป็นทองคำสีเขียว ของปุเลียเลยทีเดียว

ในแคว้นปุเลีย มีต้นมะกอกอยู่มากกว่า 60 ล้านต้น ห้ท่านได้เดินชมไร่มะกอก ชมขั้นตอนการแปรรูปน้ำมันมะกอก อีกทั้งยังได้ลองลิ้มรสน้ำมันมะกอกที่เพิ่งผลิตเสร็จใหม่ๆอีกด้วย

กลางวัน

อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ มอนเตนาโปลิโอเน่ และนำท่านสัมผัสประสบการณ์ เรียนทำอาหาร แบบต้นตำรับของปุเลีย

ท่านจะได้ เรียนรู้เทคนิคและขั้นตอนการทำอาหารอิตาเลียนแบบพื้นเมืองจากเชฟผู้เชี่ยวชาญ วัสดุที่ใช้ทำอาหารจะเป็นวัสดุปลอดสารพิษที่ปลูกหรือผลิตจากพื้นที่
ให้ท่านได้ทดลองทำอาหารด้วยตัวเองและเก็บเกี่ยวประสบการณ์สุดแสนประทับใจ

ค่ำ

อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Canne Bianche หรือในระดับเดียวกัน 

DAY 7
อ. 7 พ.ค. 67
เตอเร่ คานเน่ – บารี – ท่าอากาศยานนครมิวนิค – มิวนิค

ค่ำ

เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานเมืองบารี

กลางวัน อาหารกลางวัน อิสระตามอัธยาศัยภายในท่าอากาศยาน

โดยท่านสามารถเลือกทานอาหารจากร้านที่ท่านชื่นชอบได้ตามอัธยาศัย ซึ่งทางบริษัทฯ จัดเตรียมค่าอาหารให้ท่านละ 20 ยูโร

13.00 น. โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH9469 นำท่านเหินฟ้าสู่มหานครมิวนิค ประเทศเยอรมนี

(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม.)

14.40 น. ถึงท่าอากาศยานนครมิวนิค ประเทศเยอรมนี หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว

นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก อิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย

ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Steigenberger Hotel München หรือในระดับเดียวกัน

DAY 8
พ. 8 พ.ค. 67
มิวนิค – พระราชวังมิวนิคเรสซิเดนท์ – จตุรัสมาเรียนพลาส – ถนนแมกซิมิลเลียน – ตลาดวิคตอเรีย – ท่าอากาศยานนครมิวนิค

เช้า

อาหารเช้า ณ ภัตตาคารในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเข้าชม พระราชวังมิวนิคเรสซิเดนท์ พิพิธภัณฑ์หลวงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ศิลปะการตกแต่งภายในวิจิตรบรรจง และของสะสมโบราณของราชวงศ์ ที่เคยครองอาณาจักรบาวาเรีย ด้านในประกอบไปด้วยห้องจัดแสดง 130 ห้อง ในทุกรายละเอียดสะท้อนให้เห็นสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่

กลางวัน

อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ จตุรัสมาเรียนพลาส ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองทั้งเก่าและใหม่ที่มีการตกแต่งแบบสถาปัตยกรรมแบบกอธิคที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเยอรมนี ท่านจะได้พบกับความน่ารักของตุ๊กตาที่อยู่ในหอระฆังที่มีชื่อเสียง ซึ่งหอแห่งนี้มีความสูงถึง 85 เมตร

อิสระให้ท่านเลือกชมและเลือกซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าย่อยมากมาย 

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ถนนแมกซิมิลเลียน ถนนสายหลักของมิวนิค ที่มีร้านดีไซเนอร์และสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Christian Dior, Chanel, Gucci อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังตามอัธยาศัยจนถึงเวลานัดหมาย

จากนั้น นำท่านสัมผัสบรรยากาศ ตลาดอันเก่าแก่ที่สุดในมิวนิค ณ ตลาดวิคตอเรีย ที่อายุมากกว่า 200 ปี รายล้อมด้วยร้านค้ามากมายกว่า 100 ร้าน ทั้งผัก ผลไม้ อิสระให้ท่านเดินเล่นตามอัธยาศัยจนถึงเวลานัดหมาย

ได้เวลานัดหมาย นำท่านเดินทางสู่ท่าอากาศยานนครมิวนิค

ค่ำ

22.25 น. โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH772 นำท่านเหินฟ้าสู่ประเทศไทย 

อาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10.45 ชม.)

 

DAY 9
พฤ. 9 พ.ค. 67
กรุงเทพฯ
เช้า  อาหารเช้าบริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม

14.10 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ

Puglia Beautiful Adriatic Coast Surprise! 9 Days

โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า (LH)

01 – 09 พฤษภาคม 2567

อัตราค่าบริการทัวร์ (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)

จำนวนผู้เดินทาง
10 – 14 ท่าน
15 ท่านขึ้นไป
ราคาค่าบริการทัวร์ ผู้ใหญ่พักห้องคู่ ท่านละ
176,900 บาท
169,900 บาท
พักห้องเดี่ยว เพิ่มท่านละ
55,000 บาท
55,000 บาท
– ทางบริษัท ฯ เป็นตัวแทนในการยื่นเอกสารกับทางสถานทูตเท่านั้น ผลการพิจารณาขึ้นอยู่กับสถานทูตแต่เพียงผู้เดียว

– ทางบริษัท ฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการเดินทาง โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ และความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นหลัก

– ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิเนื่องจากข้อผิดพลาดทางการพิมพ์

– กรณีไม่สามารถเดินทางได้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้น
ค่าบริการรวม
– ค่ารถรับส่งตามรายการ

– ค่าธรรมเนียมการเข้าชมสถานที่ และกิจกรรมตามรายการ

– ค่าห้องพัก สองท่านต่อหนึ่งห้อง ในโรงแรมที่ระบุ หรือในระดับเดียวกัน

– ค่าอาหารตามรายการ

ค่าประกันภัยการเดินทางวงเงินท่านละ 2,000,000 บาท

ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ (รวมเจ็บป่วย) วงเงินท่านละ 1,500,000 บาท

– หัวหน้าทัวร์ และ/หรือ มัคคุเทศก์ คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง

– ทิปหัวหน้าทัวร์ และ/หรือ มัคคุเทศก์ และ คนขับรถ

– การบริการจัดเตรียมน้ำดื่ม ท่านละ 1 ขวดต่อวัน

พิเศษ! ของพรีเมี่ยม บริการ ณ วันเดินทาง เช่น กระเป๋า Travel Kit, ปกพาสปอร์ทหนังเเท้, คู่มือการเดินทาง, เจลแอลกอฮอลล์ล้างมือ, หน้ากากอนามัย

ค่าบริการไม่รวม
– ค่าตั๋วเครื่องบิน

– ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (คิดคำนวณจากค่าบริการ)

– ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ เช่น ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์ทางไกล ค่าเครื่องดื่ม

ดาวน์โหลดโปรแกรมการเดินทาง (PDF)