Previous
Next
Croatia The Pearl of Adriatic
16 - 24 OCTOBER 2025
DAY1
วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2568
กรุงเทพฯ – มิวนิก
20.00 น.
พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบินลุฟท์ฮันซ่า เคาน์เตอร์เช็คอิน แถว G อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4
เจ้าหน้าที่เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก
เจ้าหน้าที่เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก
23.00 น.
โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH773 นำท่านเหินฟ้าสู่ มิวนิก ประเทศเยอรมนี
พักค้างแรมบนเครื่องบิน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11.30 ชม.)
พักค้างแรมบนเครื่องบิน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 11.30 ชม.)
DAY2
วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568
มิวนิก – ซาเกรบ – เมืองเก่าซาเกรบ – รถกระเช้าไฟฟ้าสู่ หอคอยแห่งลอตร์สคัก – มหาวิหารเซนต์มาร์ค – มหาวิหารซาเกรบ – ย่าน Lower Town
เช้า
เช้าอาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม
05.30 น.
ถึงท่าอากาศยาน มิวนิก ประเทศเยอรมนี แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง (ประมาณ 3.25 ชม.)
08.55 น.
โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH5988 นำท่านเหินฟ้าสู่ ซาเกรบ ประเทศโครเอเชีย
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.)
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.)
09.55 น.
ถึงท่าอากาศยาน ซาเกรบ
ซาเกรบ เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย ศูนย์กลางการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ ที่มีอายุกว่า 900 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซาวา และเนินเขาสุดท้ายของเทือกเขาแอลป์ของยุโรปที่มีชื่อว่า Medvenica หลังพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พร้อมตรวจเช็คสัมภาระแล้ว นำท่านสู่ภัตตาคาร
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านสู่ เมืองเก่าซาเกรบ ที่อยู่บนเขาอัปเปอร์ทาวน์ (Gornji Grad) หัวใจทางประวัติศาสตร์ของซาเกรบ
หลังอาหาร นำท่านสู่ เมืองเก่าซาเกรบ ที่อยู่บนเขาอัปเปอร์ทาวน์ (Gornji Grad) หัวใจทางประวัติศาสตร์ของซาเกรบ

จากนั้น นำท่านขึ้นรถกระเช้าไฟฟ้าสู่ หอคอยแห่งลอตร์สคัก (Tower of Lotrscak) หอระฆังเก่าที่เมื่อถึงบ่ายโมงตรงจะมีการยิงปืนใหญ่บอกสัญญาณ ซึ่งในปัจจุบันระฆังได้ถูกขโมยหายไปเหลือเพียงหอเก่าแก่เพียงอย่างเดียว

แล้วนำท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่มารี มหาวิหารเซนต์มาร์ค ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าซาเกรบ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีต่าง ๆ ซึ่งเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของซาเกรบ โครเอเชีย สโลเวเนีย และ ดัลเมเชีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยอยู่ในประเทศเดียวกัน (ยูโกสลาเวีย)

จากนั้น นำท่านชม มหาวิหารซาเกรบ มหาวิหารสังกัดโรมันคาทอลิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง
ซาเกรบ สร้างขึ้นในแบบสไตล์นีโอกอธิค ในช่วงศตวรรษที่ 11 ซึ่งถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโครเอเชีย และยังเป็น ศูนย์กลางของคริสตจักรในประเทศโครเอเชียอีกด้วย
ซาเกรบ สร้างขึ้นในแบบสไตล์นีโอกอธิค ในช่วงศตวรรษที่ 11 ซึ่งถือว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโครเอเชีย และยังเป็น ศูนย์กลางของคริสตจักรในประเทศโครเอเชียอีกด้วย

แล้วนำท่านชมเมืองซาเกรบ ย่าน Lower Town บริเวณหน้าสถานีรถไฟซาเกรบ ให้ท่านได้ถ่ายรูปคู่กับ อนุสาวรีย์คราล์จา โธมิสลาฟ หนึ่งในวีรบุรุษของโครเอเชีย

ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Esplanade Zagreb (Superior TWN 30 sqm) หรือในระดับเดียวกัน
พักค้างแรม ณ โรงแรม Esplanade Zagreb (Superior TWN 30 sqm) หรือในระดับเดียวกัน

DAY3
วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2568
ซาเกรบ – รัสต็อคเก้ – วนอุทยานแห่งชาติ ทะเลสาบพลิตวิเซ – ล่องเรือในทะเลสาบโคซแซ็ค – สปลิต
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ รัสต็อคเก้ (Rastoke) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
ชมหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ Slunjčica ที่มีน้ำตกล้อมรอบหมู่บ้าน ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตกันอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนโรแมนติก เรียงรายไปด้วยน้ำตก ลำธาร แก่งหิน ปัจจุบันที่แห่งนี้มีร้านอาหาร บาร์ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสาย
ชมหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมแม่น้ำ Slunjčica ที่มีน้ำตกล้อมรอบหมู่บ้าน ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตกันอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนโรแมนติก เรียงรายไปด้วยน้ำตก ลำธาร แก่งหิน ปัจจุบันที่แห่งนี้มีร้านอาหาร บาร์ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมกันอย่างไม่ขาดสาย

นำท่านเดินทางสู่ วนอุทยานแห่งชาติ ทะเลสาบพลิตวิเซ (Plitvice Lakes National Park) ระหว่างทางท่านจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของบ้านเรือน เนินเขา ป่าอันอุดมสมบูรณ์ และน้ำตกอัน สวยงาม (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที)
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านชม วนอุทยานแห่งชาติ ทะเลสาบพลิตวิเซ ที่เกิดขึ้นจากน้ำจากภูเขามาลา
คาเปลา (Mala Kapela) ไหลผ่านชั้นหินปูนเมื่อหลายพันปีก่อน ทำให้หินปูนที่ ถูกกัดเซาะไหลไปกองรวมกันเป็นระยะ เกิดเป็นเขื่อนธรรมชาติ มีความสูงลดหลั่นกันลงไปทั้งสิ้น 16 แห่ง จึงเกิดน้ำตกขึ้น 16 สายไหลไปรวมกันเป็นทะเลสาบใหญ่
ตัวน้ำตกแบ่งเป็น 2 ระดับ น้ำตกที่สูงที่สุดมีความสูง 639 เมตร ที่ต่ำสุดมีความสูง 503 เมตร น้ำตกด้านบนจะถูกล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ซึ่งมีความหนาแน่นสูง มีถ้ำ 20 แห่งใต้หินปูนเหล่านี้ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาดูได้ยาก และมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง องค์การยูเนสโก้ จึงได้รับเอาไว้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979

แล้วนำท่าน ล่องเรือในทะเลสาบโคซแซ็ค ให้ท่านได้ซึมซับกับความงามของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

นำท่านเดินทางสู่ สปลิต (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Ambasador (Premium TWN 30 sqm) หรือในระดับเดียวกัน

DAY4
วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2568
สปลิต – โทรเกียร์ – สปลิต – พระราชวังดิโอคลีเทียน
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ โทรเกียร์ (Trogir) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที) เมืองโบราณบนเกาะเล็กๆ ที่ถูกปกครองโดยพวกกรีกและโรมัน ปัจจุบันมีการอนุรักษ์เป็นเมืองโบราณ ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการจัตุรัส และกำแพงเมืองไว้เป็นอย่างดีจนได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ ให้เป็นเมืองมรดกโลกใน ปี ค.ศ.1997
จากนั้น นำท่านเดินชมภายในเขต เมืองโบราณ ที่มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ กรีก โรมัน อาทิเช่น ประตูเมือง ที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อศตวรรษที่ 16 หอนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14 และ มหาวิหารเซนต์ลอร์เลนซ์ ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี
ความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้ ดูได้จากกรอบและบานประตูหินแกะสลัก ที่มีรูปปั้นสิงโต อดัมกับอีฟ และรูปสลักนักบุญองค์สำคัญ โบสถ์แห่งเซนส์บาบาร่า ในอดีตนั้นใช้เป็นศาลยุติธรรมของพวกโรมัน ระเบียง พร้อมหอนาฬิกาศตวรรษที่ 15 ปราสาทคาเมอร์เลนโก้ ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของผู้ว่าการชาวเวนิสสมัยก่อน ปราสาทคิพิโก้ สร้างโดยครอบครัวคิพิโก้ ครอบครัวที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองโทรเกียร์ มีส่วนสำคัญมากในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ สปลิต (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที)

นำท่านเดินชม สปลิต เมืองศูนย์กลางการพาณิชย์ และการคมนาคมของแคว้นดัลเมเชีย โดยเป็นอีกเมืองหนึ่งที่องค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก
นำท่านชม พระราชวังดิโอคลีเทียน สร้างในราวศตวรรษที่ 3 บนอ่าวอัสพาลาโธส โดยพระเจ้าดิโอคลีเทียน แห่งโรมที่แผ่ขยายอาณาเขตจากเวนิสสู่สปลิตในยุคโรมันโบราณ
ท่านจะพบเห็นสถาปัตยกรรมหรือลานกว้างที่มีเสาสไตล์โรมันเรียงราย ภายในพระราชวังประกอบด้วยไปด้วยทางเข้าหลัก หรือ Golden Gate มหาวิหารเทพเจ้าจูปิเตอร์ โบสถ์แห่งเทพวีนัส วิหารดอมนิอุส ที่จัดเรียงรายรวมกันอย่างลงตัว ซึ่งหลังจากลงจากบัลลังก์ในปี ค.ศ. 305 ในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมี ตัวมหาวิหารสร้างในยุคกลางบนที่ฝังศพโบราณ ป้อมยุคกลางและพระราชวังสร้างในศตวรรษที่ 15 ซึ่งมีทั้งรูปแบบเรอเนสซองส์ และบาร็อค พระเจ้าดิโอคลีเทียน ทรงพำนักที่พระราชวังแห่งนี้จนสิ้นชีพ และองค์การยูเนสโก้รับเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 นอกจากนี้ พระราชวังแห่งนี้ยังฉากของเมืองเมียร์รีนจากซีรี่ย์เรื่อง Game of Thrones อีกด้วย
ท่านจะพบเห็นสถาปัตยกรรมหรือลานกว้างที่มีเสาสไตล์โรมันเรียงราย ภายในพระราชวังประกอบด้วยไปด้วยทางเข้าหลัก หรือ Golden Gate มหาวิหารเทพเจ้าจูปิเตอร์ โบสถ์แห่งเทพวีนัส วิหารดอมนิอุส ที่จัดเรียงรายรวมกันอย่างลงตัว ซึ่งหลังจากลงจากบัลลังก์ในปี ค.ศ. 305 ในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมี ตัวมหาวิหารสร้างในยุคกลางบนที่ฝังศพโบราณ ป้อมยุคกลางและพระราชวังสร้างในศตวรรษที่ 15 ซึ่งมีทั้งรูปแบบเรอเนสซองส์ และบาร็อค พระเจ้าดิโอคลีเทียน ทรงพำนักที่พระราชวังแห่งนี้จนสิ้นชีพ และองค์การยูเนสโก้รับเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 นอกจากนี้ พระราชวังแห่งนี้ยังฉากของเมืองเมียร์รีนจากซีรี่ย์เรื่อง Game of Thrones อีกด้วย

ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Ambasador (Premium TWN 30 sqm)หรือในระดับเดียวกัน
DAY5
วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2568
สปลิต – เกาะคอร์จูล่า – ออเรบิช –ฟาร์มหอยนางรม – ชิมหอยนางรม – ดูบรอฟนิค
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านโดยสารเรือคาทามารัน เดินทางสู่ เกาะคอร์จูล่า

แล้ว นำท่านชมบรรยากาศภายใน คอร์จูล่า เมืองเก่าแก่โบราณและยังเป็น สถานที่เกิดของมาร์โคโปโล หนึ่งในนักเดินทางที่มีชื่อเสียงที่สุดชาวอิตาเลียน
ด้วยสถาปัตยกรรมในแบบกอธิคที่ถูกฟื้นฟูใหม่ ทั้งโบสถ์ที่สำคัญ และบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์สภาพของสถานที่ไว้เป็นอย่างดี ให้ท่านได้เก็บภาพความประทับใจ พร้อมพักผ่อนตามอัธยาศัย

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านสู่ท่าเรือเพื่อโดยสารเฟอร์รี่สู่ ออเรบิช
แล้วนำท่านเดินทางสู่ มาลี สท่อน (Mali Ston) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง )
นำท่านชม ฟาร์มหอยนางรม ชมขั้นตอนต่างๆ ของการเลี้ยง แล้วให้ท่านได้ชิมหอยนางรมสดๆ จากทะเลอะเดรียติค

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ดูบรอฟนิค (Dubrovnik) ซึ่งเลื่องชื่อเรื่องความงามจนได้รับสมญานาม “Jewel of Adriatic” ตั้งอยู่ในแคว้นดัลเมเชียทางตอนใต้ของโครเอเชีย ล้อมรอบด้วยผืนทะเล
อะเดรียติคสีครามเข้ม ผู้คนยึดอาชีพประมงและทำท่องเที่ยวเป็นหลัก
ดูบรอฟนิค เป็นเมืองที่หลากล้นไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคโรมัน บรรยากาศทั่วทั้งเมืองจึงเป็นเสน่ห์ของเมืองเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ตั้งแต่กำแพงเมืองไปจนถึงป้อมโบราณ โบสถ์ วิหาร รวมถึงพระราชวังในสภาพที่สมบูรณ์ นอกจากนี้เมืองยังเป็นฉากหลังของเมืองคิงส์แลนดิ้งจากซีรี่ย์เรื่อง Game of Thornes อีกด้วย


ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Dubrovnik Palace (Deluxe Seaview 32 sqm) หรือในระดับเดียวกัน

DAY6
วันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568
ดูบรอฟนิค – คอนาฟเล่ – เดอะโอล วอเทอร์-มิลล์ – ไร่ไวน์ Botaro – ดูบรอฟนิค
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านโดยสาร รถเรโนลต์ 4 รถเกียร์กระปุกสุดคลาสสิคซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในโครเอเชีย นำท่านเดินทางสู่ คอนาฟเล่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองดูบรอฟนิกไปเพียง 20 กิโลเมตร เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูมิภาคคอนาฟเล่ และทะเลเอเดรียติก
หลังอาหาร นำท่านโดยสาร รถเรโนลต์ 4 รถเกียร์กระปุกสุดคลาสสิคซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในโครเอเชีย นำท่านเดินทางสู่ คอนาฟเล่ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองดูบรอฟนิกไปเพียง 20 กิโลเมตร เพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของภูมิภาคคอนาฟเล่ และทะเลเอเดรียติก

นำท่านสู่ เดอะโอล วอเทอร์–มิลล์ ให้ท่านได้ชมกรรมวิธีการโม่ข้าวจนกลายมาเป็นแป้งในแบบโบราณโดยการใช้พลังงานน้ำ ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน<

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร แล้วนำท่านเดินทางสู่ ไร่ไวน์ Botaro ที่มีไวน์หลากหลายชนิด รวมถึงเหล้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้ท่านได้ทดลองชิมไวน์ที่ทำขึ้นแบบโฮมเมดแท้ๆ

หลังอาหาร นำท่านเดินทางกลับสู่ ดูบรอฟนิค
พักค้างแรม ณ โรงแรม Dubrovnik Palace (Deluxe Seaview 32 sqm) หรือในระดับเดียวกัน
DAY7
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2568
ดูบรอฟนิค – ป้อม Lovrijenac – เกาะ Lokrum –
เดินชมเมืองเก่าและกำแพงเมืองดูบรอฟนิค
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่าน ชมเมืองดูบรอฟนิคในธีม Game of Thornes ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำเมือง
“คิงส์แลนดิ้ง” และอ่าวแบล็กวอเตอร์ นำท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับ ป้อม Lovrijenac
(ชื่อ “Red Keep” ในซีรี่ย์)

จากนั้น นำท่านสู่ เกาะ Lokrum อันจากการเป็นโอเอซิสธรรมชาติอันสวยงาม และเป็นฉากหลังของเมือง “Qarth” ในซีรี่ย์
นอกจากนี้ท่านยังสามารถเยี่ยมชม ห้องบัลลังก์ ในอารามเบเนดิกตินและถ่ายรูปบัลลังก์เหล็กอันเป็นจุดไอคอนนิคของซีรี่ย์นี้อีกด้วย


จากนั้น นำท่านเดินทางกลับสู่ ดูบรอฟนิค
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่าน ชมบริเวณเมืองเก่า และ ขึ้นกำแพงเมือง ที่โอบล้อมเมืองด้วยกำแพงโบราณสูงตระหง่าน ตรงบริเวณพื้นที่ริมทะเลอะเดรียติค เป็นเขตชุมชนเริ่มแรกที่บรรพบุรุษชาวดูบรอฟนิคมาสร้างบ้านแปลงเมืองไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 7
สร้างกำแพงเมืองแข็งแรงขึ้นล้อมเมืองไว้ในศตวรรษที่ 13 เพื่อป้องกันภัยจากศัตรู เช่น พวกอาหรับเวเนเชียน มาชีโดเนียและเซิร์บ ภายในเขตเมืองเก่ามากมายด้วยสิ่งก่อสร้างโบราณ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้

จากนั้น นำท่าน เดินเที่ยวชมตัวเมืองดูบรอฟนิค โดยเริ่มต้นจาก “ประตูหลัก” นำไปสู่พื้นทางเดินหินอันเป็นถนนสายหลักจาก น้ำพุโบราณทรงกลม ไปจนสุดมุมถนน ล้วนเรียงรายไปด้วยสถานที่สำคัญ เช่น Franciscan Monastery วิหารในสถาปัตยกรรมโกธิค ภายในมีร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรป ดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1391 ผ่านชม มหาราชวังสปอนซ่า พาเลซ พระราชวังงดงามในสถาปัตยกรรมโกธิคผสมเรอเนซองส์ ซึ่งโดดเด่นด้านงานหินที่อ่อนช้อย
เชื่อว่าในอดีตเป็นที่พบปะของพ่อค้าวานิช และสถานที่เก็บภาษีสินค้าปัจจุบันเป็นสถานที่เก็บรักษาเอกสารความสัมพันธ์ทางการเมืองเศรษฐกิจของดูบรอฟนิคกับประเทศยุโรปต่างๆ ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 จากนั้น ให้ท่านได้ถ่ายภาพที่ระลึกบริเวณจัตุรัสกลางเมืองซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและประกอบกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต
จากนั้น อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย

ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Dubrovnik Palace (Deluxe Seaview 32 sqm) หรือในระดับเดียวกัน
DAY8
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2568
ดูบรอฟนิค – เคเบิ้ลคาร์ – มิวนิก
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านขึ้น เคเบิ้ลคาร์ ขึ้นสู่ยอดเขา Srd เพื่อให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์เมือง
ดูบรอฟนิคในแบบพาโนรามา ให้ท่านได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกก่อนอำลาโครเอเชีย
(หมายเหตุ เคเบิ้ลคาร์อาจไม่เปิดให้บริการ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริการ)

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานดูบรอฟนิค
17.00 น.
โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH1711 นำท่านเหินฟ้าสู่ มิวนิก ประเทศเยอรมนี
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.35 ชม.)
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.35 ชม.)
18.40 น.
ถึงท่าอากาศยาน มิวนิก ประเทศเยอรมนี แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง (ประมาณ 3.55 ชม.)
22.20 น.
โดยสายการบินลุฟท์ฮันซ่า เที่ยวบินที่ LH772 นำท่านเหินฟ้าสู่ กรุงเทพ ฯ
(ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10.50 ชม.)
วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568
DAY9
วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2568
กรุงเทพฯ
เช้า
อาหารเช้า บริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม
14.10 น.
ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพพร้อมด้วยความประทับใจ

ดาวน์โหลดโปรแกรมการเดินทาง

อัตราค่าบริการ
ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน
221,900 บาท
10 - 14 ท่าน
ผู้ใหญ่ ขั้นต่ำต่อรถบัส 1 คัน
221,900 บาท
15 ท่านขึ้นไป
ผู้ใหญ่ ขั้นต่ำต่อรถบัส 1 คัน
199,900 บาท
พักห้องเดี่ยว เพิ่มท่านละ 59,900 บาท
หมายเหตุ : กรณีพัก 3 ท่าน จะต้องพักรวมกัน กรณีต้องการแยกห้องพักเป็น 2 ท่าน 1 ห้อง และ 1 ท่าน 1 ห้อง ท่านจะต้องชำระ ค่าห้องพักเดี่ยวเพิ่ม
>
> ค่ารถรับส่งตามรายการ
> ค่าธรรมเนียมการเข้าชมสถานที่ และกิจกรรมตามรายการ
> >ค่าห้องพัก สองท่านต่อหนึ่งห้อง ในโรงแรมที่ระบุ หรือในระดับเดียวกัน
> ค่าอาหารตามรายการ
> ค่าธรรมเนียมวีซ่า ยกเว้นคนต่างด้าว
> ค่าประกันภัยการเดินทาง สำหรับผู้มีอายุระหว่าง 15 – 75 ปี วงเงินท่านละ 3,000,000 บาท
> ค่ารักษาพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุ สำหรับผู้มีอายุระหว่าง 15 – 75 ปี วงเงินท่านละ 2,000,000 บาท
> ค่าทิปคนขับรถ
> หัวหน้าทัวร์จากกรุงเทพฯ คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
> ขนม และของว่างบริการระหว่างเดินทาง
> Internet Sim Card สำหรับใช้ในประเทศยุโรป 1 ซิมต่อท่าน
> ของพรีเมี่ยม (Universal Travel Adapter , WST Shopping Bag)
> ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (คิดคำนวณจากค่าบริการ)
> ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
> ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์ทางไกลค่าเครื่องดื่ม
> ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
> ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์ทางไกลค่าเครื่องดื่ม
> ทางบริษัท ฯ เป็นตัวแทนในการยื่นเอกสารกับทางสถานทูตเท่านั้น ผลการพิจารณาขึ้นอยู่กับสถานทูตแต่เพียงผู้เดียว
> ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมการเดินทาง โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ และความปลอดภัยของผู้เดินทางเป็นหลัก
> ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิเนื่องจากข้อผิดพลาดทางการพิมพ์
> กรณีไม่สามารถเดินทางได้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเก็บค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง