Enchanted Basque Country Surprise! 9 Days
June 23, 2017
DAY
วันแรก
กรุงเทพฯ
23.00 น.
พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณชั้นผู้โดยสารขาออก ชั้น 4
เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรสต์ เคาน์เตอร์เช็คอินแถว T
เจ้าหน้าที่ เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก
เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรสต์ เคาน์เตอร์เช็คอินแถว T
เจ้าหน้าที่ เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก
02.05 น.
โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK371 นำท่านเหินฟ้าสู่ ดูไบ
อาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม
พักค้างแรมบนเครื่องบิน
อาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม
พักค้างแรมบนเครื่องบิน
DAY
วันที่สอง
ดูไบ – แมดริด – เบอกอส – ประตูเมืองอาร์โค เดอ ซานต้า มาเรีย – มหาวิหารเบอกอส
เช้า
อาหารเช้า บริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม
05.35 น.
ถึงท่าอากาศยาน ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
07.35 น.
โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK141 นำท่านเหินฟ้าสู่ กรุงแมดริด ประเทศสเปน
13.25 น.
ถึงท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงแมดริด ประเทศสเปน หลังพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรพร้อมตรวจเช็คสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่ เบอกอส เมืองที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทางด้านวัฒนธรรม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของแคว้นคาสตีลมานานกว่า 500 ปี และได้รับการขนานนามว่าเป็น “Cradle of Castile” อีกด้วย
จากนั้น นำท่านเดินข้ามสะพานซานต้ามาเรีย เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองเก่า ชมประตูเมืองอาร์โค เดอ ซานต้า มาเรีย ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16
จากนั้น นำท่านเดินข้ามสะพานซานต้ามาเรีย เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองเก่า ชมประตูเมืองอาร์โค เดอ ซานต้า มาเรีย ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16

แล้วนำท่านชมความยิ่งใหญ่อลังการของ มหาวิหารเบอกอส หรือโบสถ์ซานต้า มาเรีย โบสถ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศสเปน เริ่มสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1221 แต่กว่าจะแล้วเสร็จก็ใช้เวลาร่วมกว่า 300 ปี ตลอดระยะเวลาการสร้างได้ใช้ช่างศิลป์ที่ขึ้นชื่อมากหน้าหลายตาจากทั่วทั้งทวีปยุโรป ทั้งการตกแต่งภายในและภายนอกล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะแบบกอธิค ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน มหาวิหารเบอกอสนับเป็นโบสถ์แห่งเดียวในประเทศสเปน ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ บิตอเรีย กาสเตย์ซ
ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม NH Canciller Ayala Vitoria หรือระดับเดียวกัน
พักค้างแรม ณ โรงแรม NH Canciller Ayala Vitoria หรือระดับเดียวกัน
DAY
วันที่สาม
บิตอเรีย กาสเตย์ซ – ชิมไวน์ ณ มาร์เกส เด ริสกาล – ซาน เซบาสเตียน – ชมวิวบนยอดเขาอิกูเอลโด – ซาน เซบาสเตียน
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ไร่ไวน์มาร์เกส เด ริสกาล ไร่ไวน์ที่เก่าแก่ของแคว้นลาริโอคา ที่เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1858 องุ่นหลายสายพันธุ์ที่ปลูกอยู่บนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร อีกทั้งอาคารยังได้รับการออกแบบ และสร้างโดยสถาปนิกชื่อดังคนเดียวกันกับที่สร้าง
พิพิธภัณฑ์กุกเกนฮามที่บิลโบอีกด้วย หลังคาใช้ไทเทเนี่ยมเป็นวัสดุหลัก สีที่ใช้มีทั้งหมด 3 สีคือ สีชมพู สีทอง และสีเงิน แต่ละสีต่างมีความหมายและที่มาที่ไปในตัวเอง
พิเศษ!! ให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติของไวน์องุ่น และเลือกซื้อไวน์เป็นของฝากที่
ไร่มาร์เกส เด ริสกาล
พิพิธภัณฑ์กุกเกนฮามที่บิลโบอีกด้วย หลังคาใช้ไทเทเนี่ยมเป็นวัสดุหลัก สีที่ใช้มีทั้งหมด 3 สีคือ สีชมพู สีทอง และสีเงิน แต่ละสีต่างมีความหมายและที่มาที่ไปในตัวเอง
พิเศษ!! ให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติของไวน์องุ่น และเลือกซื้อไวน์เป็นของฝากที่
ไร่มาร์เกส เด ริสกาล

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ซานเซบาสเตียน เมืองทางตอนเหนือของประเทศสเปน ห่างจากพรมแดนประเทศฝรั่งเศสประมาณ 20 กิโลเมตร ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ทางธรรมชาติที่แสนงดงาม ตัวเมืองหันหน้าเข้าสู่ทะเล และยังโอบล้อมไว้ด้วยภูเขา จึงทำให้เมืองนี้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวระดับโลกมานานกว่า 2 ศตวรรษ อีกทั้ง เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงทางด้านโภชนาการ และอาหารการกิน ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็หาร้านอาหารที่ได้รับมิชิลินสตาร์ไม่ยากเมื่อเทียบกับเมืองอื่นในทวีปยุโรป เมืองนี้มีร้านอาหารที่ได้รับมิชิลินสตาร์ระดับ 3 ดาวอยู่ถึง 3 ร้านจากทั้งหมด 5 ร้านในประเทศสเปน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เมืองนี้จะได้รับสมญานามให้เป็น “World Famous Food Tourism Destination”

แล้วนำท่านเดินทางด้วยรถรางสู่ ยอดเขาอิกูเอลโด ท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของชายหาด ลา คอนช่า ซึ่งโค้งรับกับตัวเมืองซานเซบาสเตียน นอกจากนั้น บนยอดเขายังมีสวนสนุกเก่าแก่ที่สุดในแค้วนบาสก์ ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1911 และยังมีประภาคาร
เอล ตอเรออน สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ก่อน คอยส่องไฟนำทางเรือที่จะมายังเมืองซาน เซบาสเตียนก่อนที่ประภาคารหลังใหม่จะถูกสร้างต่อมาใน ค.ศ.1854 ในตัวประภาคารยังคงมีการจัดแสดงรูปถ่ายในสมัยอดีตให้ท่านได้ชม
เอล ตอเรออน สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ก่อน คอยส่องไฟนำทางเรือที่จะมายังเมืองซาน เซบาสเตียนก่อนที่ประภาคารหลังใหม่จะถูกสร้างต่อมาใน ค.ศ.1854 ในตัวประภาคารยังคงมีการจัดแสดงรูปถ่ายในสมัยอดีตให้ท่านได้ชม

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ ซาน เซบาสเตียน
ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม de Londres y Inglaterra หรือในระดับเดียวกัน
DAY
วันที่สี่
ซาน เซบาสเตียน – ตลาด ลาเบรช่า – ย่านเมืองเก่า – ทัวร์รับประทานพินโชส Pintxos – บิลเบา – ย่านเมืองเก่า คาสโซ่ วีลโจ
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ตลาด ลาเบรช่า ตลาดใหญ่กลางเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางในการจับจ่ายของสดมาทำอาหารขึ้นชื่อตามร้านต่างๆในเมือง ตัวอาคารสร้างขึ้นในสไตล์โรมันและกรีซแบบโบราณ ชั้นใต้ดินเป็นซุปเปอร์มาเก็ต อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัยจนถึงเวลานัดหมาย

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ย่านเมืองเก่า ลา พาร์ท วีจา เมืองเก่าที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 1813 ตลอดสองข้างทาง จะเป็นถนนเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมด้วยบ้านเรือนสมัยยุคกลาง ซึ่งปัจจุบันได้ดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ผับ และบาร์
ต่าง ๆ มากมาย นับเป็นย่านที่มีสีสัน และครึกครื้นตลอดทั้งปี ด้านล่างของย่านเมืองเก่ายังมีย่าน โรแมนติคเซ็นเตอร์ ย่านนี้เรียงรายไปด้วยตึกสวยงามสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งสร้างในปลายศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่เป็นร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร และยังมี โบสถ์กู้ดเชพเพิร์ด สร้างในสไตล์ยุโรปซึ่งแสดงถึงการได้รับอิทธิพลจากชาวต่างชาติที่เข้ามาวางผังเมืองทางสถาปัตยกรรมในช่วงศตวรรษที่ 19
ต่าง ๆ มากมาย นับเป็นย่านที่มีสีสัน และครึกครื้นตลอดทั้งปี ด้านล่างของย่านเมืองเก่ายังมีย่าน โรแมนติคเซ็นเตอร์ ย่านนี้เรียงรายไปด้วยตึกสวยงามสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งสร้างในปลายศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่เป็นร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร และยังมี โบสถ์กู้ดเชพเพิร์ด สร้างในสไตล์ยุโรปซึ่งแสดงถึงการได้รับอิทธิพลจากชาวต่างชาติที่เข้ามาวางผังเมืองทางสถาปัตยกรรมในช่วงศตวรรษที่ 19

กลางวัน
ให้ท่านได้ร่วม ทัวร์รับประทานพินโชส Pintxos สำหรับพินโชสนั้น ถือเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการทานอาหารของชาวบาสก์ มีลักษณะเป็นของว่างหลากหลายอย่างขึ้นอยู่กับการรังสรรค์ของพ่อครัวแต่ละร้าน โดยจะกลัดไม้เล็กๆสามารถทานได้ในคำเดียว ส่วนใหญ่จะเสิร์ฟในบาร์ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ บิลเบา เมืองศูนย์กลางของแคว้นบาสก์ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ บิลเบาเป็นเมืองสมัยใหม่ที่มีอาคารสถาปัตยกรรมรูปทรงต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงอนุรักษ์ย่านเขตเมืองเก่าเอาไว้เป็นอย่างดีจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้
แล้วนำท่านสู่ ย่านเมืองเก่า คาสโซ่ วีลโจ ในภาษาสเปนแปลว่าถนนทั้งเจ็ด เนื่องจากในบริเวณนี้มีถนนตัดผ่านทั้งหมดเจ็ดสาย เล็ก ๆ แคบ ๆ เสมือนซอยทั้งเจ็ด ย่านนี้เป็นย่านที่มีสีสัน เรียงรายไปด้วยร้านค้า โรงแรมเล็ก ๆ และโบสถ์เก่าที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มากมาย อิสระให้ท่านได้เดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย
แล้วนำท่านสู่ ย่านเมืองเก่า คาสโซ่ วีลโจ ในภาษาสเปนแปลว่าถนนทั้งเจ็ด เนื่องจากในบริเวณนี้มีถนนตัดผ่านทั้งหมดเจ็ดสาย เล็ก ๆ แคบ ๆ เสมือนซอยทั้งเจ็ด ย่านนี้เป็นย่านที่มีสีสัน เรียงรายไปด้วยร้านค้า โรงแรมเล็ก ๆ และโบสถ์เก่าที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มากมาย อิสระให้ท่านได้เดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย

ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Barcelo Bilbao Nervion หรือในระดับเดียวกัน
DAY
วันที่ห้า
บิลเบา – หาดเพลนท์เซีย – ชิมไวน์ Crusoe Treasure – ซาน ฆวน เด กัสเตลูกัชเช่ – บิลเบา
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่หาด เพลนท์เซีย เพื่อนำท่านสัมผัสประสบการณ์ใหม่ จาก Crusoe Treasure Winery นำท่านล่องเรือชมสถานที่แรกในโลกที่สร้างที่เก็บไวน์ไว้ใต้มหาสมุทร และชิมไวน์ซึ่งถูกหมักบ่มไว้ใต้น้ำทะเลเป็นเวลาหลายปี
(หมายเหตุ การล่องเรืออาจไม่เปิดให้บริการ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริการ)
(หมายเหตุ การล่องเรืออาจไม่เปิดให้บริการ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริการ)

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ซาน ฆวน เด กัสเตลูกัชเช่ มีความหมายว่าปราสาทหินในภาษาบาสก์ เป็นเกาะรูปทรงโคน มีสะพานหินเชื่อมสู่ตัวเกาะด้วยบันได 241 ขั้น ตั้งอยู่บนแนวชายหาดบนอ่าวบิสเกย์ ด้านบนสุดของเกาะ เป็นที่ตั้งของโบสถ์ซึ่งอุทิศให้แก่นักบุญจอห์น (John the Baptist)

ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Barcelo Bilbao Nervion หรือในระดับเดียวกัน
DAY
วันที่หก
บิลเบา – พิพิธภัณฑ์กุกเกนฮาม – บิตอเรีย กาสเตย์ซ – บายาโดลิด
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กุกเกนฮาม พิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลป์ของศิลปินชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Picasso, Motherwell และ Rauschenberg เป็นต้น ตัวอาคารใช้สถาปัตยกรรมการสร้างสไตล์โมเดิร์นที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองไปแล้ว โดยเป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิกชาวอเมริกาเหนือนามว่า Frank O Gehry เริ่มสร้างในปีค.ศ. 1991 โดยรัฐบาลได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรกในวันที่ 18 ตุลาคม 1997 โดย Juan Carlos ที่ 1 แห่งสเปน และมีผู้เข้าร่วมพิธีเปิดกว่า 5,000 คน ภายใน 3 ปีแรกหลังการเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าชมกว่า 4 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 500 ล้านยูโร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือโรงแรม มีรายได้รวมกว่า 100 ล้านยูโร

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ บิตอเรีย กาสเตย์ซ ให้ท่านได้ชมเมืองหลวงของแคว้นบาสก์ เมืองที่ยังคงรักษาความเป็นเมืองในยุคกลาง โดยท่านจะสังเกตได้จากกำแพงเมืองและหอสังเกตการณ์ซึ่งสร้างบนเนินมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11
กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านชม วิหารซานต้ามาเรีย วิหารสไตล์กอธิค ได้รับการแต่งตั้งจากพระราชากัสติล อัลฟองโซที่แปด ให้เป็นวิหารประจำเมืองเนื่องจากตั้งอยู่จุดที่สูงสุดของเนิน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 วิหารมีการซ่อมแซมบูรณะครั้งใหญ่และยังคงเปิดให้เข้าชมทัวร์วิหารในขณะที่ยังคงบูรณะซึ่งถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ท่านได้เข้าชมในช่วงนี้

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ บายาโดลิด
ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Melia Recoletos หรือในระดับเดียวกัน
DAY
วันที่เจ็ด
บายาโดลิด – เซอโกเบีย – สะพานส่งน้ำ – ลาส โรซาส วิลเลจเอาท์เล็ต – แมดริด
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เซอโกเบีย เมืองโบราณบนภูเขา ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่ปีค.ศ. 1975 เซอโกเบียถือได้ว่าเป็นมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเคยถูกครอบครองโดยอาณาจักรโรมันโบราณมาก่อน ดังนั้นร่องรอยความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันจึงปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัดทั่วทั้งเมือง
แล้วนำท่านชมกับความยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ยุคโรมันโบราณ ซึ่งว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ นั่นก็คือ สะพานส่งน้ำโบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 โดยชาวโรมันขณะที่กำลังขยายอำนาจในคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อลำเลียงน้ำจาก แม่น้ำฟรีโอ ซึ่งห่างจากเมืองออกไปประมาณ 18 กิโลเมตร ตัวกำแพงมีจุดเก็บกักน้ำเสมือนแทงค์ขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยอิฐที่สามารถจุน้ำได้หลายแกลลอน ทำให้สะพานแห่งนี้มีความยาวโดยรวมกว่า 30 กิโลเมตร และมีจุดที่สูงที่สุดสูงถึง 28.5 เมตรเลยทีเดียว แม้ในปัจจุบันสะพานแห่งนี้จะเหลือความยาวเพียงแค่ 700 เมตร และไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ทางหน่วยงานรัฐก็ยังคงอนุรักษ์สะพานส่งน้ำนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวท้องถิ่นและชาวต่างชาติ ได้เห็นถึงความอลังการการก่อสร้างในยุคโรมันโบราณ พร้อมทั้งถ่ายภาพ เก็บไว้เป็นที่ระลึก
แล้วนำท่านชมกับความยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ยุคโรมันโบราณ ซึ่งว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ นั่นก็คือ สะพานส่งน้ำโบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 โดยชาวโรมันขณะที่กำลังขยายอำนาจในคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อลำเลียงน้ำจาก แม่น้ำฟรีโอ ซึ่งห่างจากเมืองออกไปประมาณ 18 กิโลเมตร ตัวกำแพงมีจุดเก็บกักน้ำเสมือนแทงค์ขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยอิฐที่สามารถจุน้ำได้หลายแกลลอน ทำให้สะพานแห่งนี้มีความยาวโดยรวมกว่า 30 กิโลเมตร และมีจุดที่สูงที่สุดสูงถึง 28.5 เมตรเลยทีเดียว แม้ในปัจจุบันสะพานแห่งนี้จะเหลือความยาวเพียงแค่ 700 เมตร และไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ทางหน่วยงานรัฐก็ยังคงอนุรักษ์สะพานส่งน้ำนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวท้องถิ่นและชาวต่างชาติ ได้เห็นถึงความอลังการการก่อสร้างในยุคโรมันโบราณ พร้อมทั้งถ่ายภาพ เก็บไว้เป็นที่ระลึก

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เอาท์เล็ตมอลล์ขนาดใหญ่ ลาส โรซาส วิลเลจเอาท์เล็ต ซึ่งมีร้านค้าแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 100 ร้านค้า ให้ท่านสามารถสนุกสนานกับการจับจ่ายสินค้าไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าสตรี อุปกรณ์กีฬา ของใช้ภายในบ้าน และอื่น ๆ อีกมายมาย ซึ่งเป็นสินค้าแฟชั่น ในราคาลดพิเศษสุด อาทิเช่น Armani, Burberry, Bally, Diesel, Hugo Boss ฯ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งจนถึงเวลานัดหมาย

ได้เวลานัดหมาย กรุงแมดริด เมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ค่ำ
อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
พักค้างแรม ณ โรงแรม Melia Princesa หรือในระดับเดียวกัน
DAY
วันที่แปด
แมดริด – ขับรถโกคาร์ชมเมือง – ถนนกรานเบีย – ช้อปปิ้งย่านถนนเซอราโน่ – ท่าอากาศยานแมดริด
เช้า
อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม
หลังอาหาร นำท่าน เปิดประสบการณ์ขับรถโกคาร์ เที่ยวชมกรุงแมดริด (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) สัมผัสประสบการณ์การชมเมืองหลวงแบบใหม่ไปกับรถโกคาร์ สนุกสนานพร้อมเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพตามจุดต่างๆ ที่สำคัญของเมือง
ค้นพบแมดริดจากมุมมองที่แตกต่าง ด้วยรถโกคาร์ (Go Car) สีเหลืองสดใสคันเล็กน่ารักที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ขับง่าย และเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมแมดริด ท่านสามารถขับโกคาร์ไปรอบเมืองแมดริด ผ่านชมสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ และสัญลักษณ์ต่างๆ ของแมดริด พร้อมด้วยระบบนำทาง GPS และไกด์นำเที่ยวด้วยระบบเสียง ท่านสามารถหยุดชมสถานที่ต่างๆ หรือหยุดถ่ายภาพประทับใจได้อย่างสะดวกสบาย (ผู้ขับจำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่พาหนะในต่างประเทศ)
ค้นพบแมดริดจากมุมมองที่แตกต่าง ด้วยรถโกคาร์ (Go Car) สีเหลืองสดใสคันเล็กน่ารักที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ขับง่าย และเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมแมดริด ท่านสามารถขับโกคาร์ไปรอบเมืองแมดริด ผ่านชมสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ และสัญลักษณ์ต่างๆ ของแมดริด พร้อมด้วยระบบนำทาง GPS และไกด์นำเที่ยวด้วยระบบเสียง ท่านสามารถหยุดชมสถานที่ต่างๆ หรือหยุดถ่ายภาพประทับใจได้อย่างสะดวกสบาย (ผู้ขับจำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่พาหนะในต่างประเทศ)

จากนั้น นำท่านสู่ ย่านถนนกรานเบีย แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงมาดริด อยู่บริเวณใจกลางเมือง สถานที่ซึ่งมีโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงภาพยนตร์มากมาย รวมถึงท่านจะได้พบกับสถาปัตยกรรมอันหรูหราได้อย่างแพร่หลายในแถบย่านนี้ อิสระให้ท่านช้อปปิ้ง ซื้อสินค้าทันสมัย พร้อม ๆ กับชมความงามของสถาปัตยกรรมจนถึงเวลานัดหมาย

กลางวัน
อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ถนนเซอราโน่ ใจกลางย่านเขตซาลามังก้า ถนนช้อปปิ้งชื่อดังที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ตลอดสองข้างทาง อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ร้านค้าของแบรนเนมระดับ Hi-end นับเป็นอีกย่านที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งตลอดทั้งปีเลยทีเดียว

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานกรุงแมดริด
22.05 น.
โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK144 นำท่านเหินฟ้าสู่ ดูไบ
อาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม
พักค้างแรมบนเครื่องบิน
พักค้างแรมบนเครื่องบิน
DAY
วันที่เก้า
ดูไบ – กรุงเทพฯ
เช้า
อาหารเช้าบริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม
07.15 น.
ถึงท่าอากาศยาน ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น.
โดยสายการบินเอมิเรสต์ เที่ยวบินที่ EK370 นำท่านเหินฟ้าสู่ กรุงเทพ ฯ
19.15 น.
ถึงท่าอากาศยานกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ