วันแรก พฤ 18 ต.ค. 2561
กรุงเทพฯ
31

22.30 น. พร้อมกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณชั้นผู้โดยสารขาออก ชั้น 4
เคาน์เตอร์สายการบินเอมิเรตส์ เคาน์เตอร์เช็คอินแถว T

เจ้าหน้าที่ เวิลด์ เซอร์ไพร้ส รอต้อนรับ พร้อมอำนวยความสะดวก

01.35 น. โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK385 นำท่านเหินฟ้าสู่ ดูไบ
อาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม
พักค้างแรมบนเครื่องบิน

วันที่สอง ศ. 19 ต.ค. 2561
ดูไบ – แมดริด – เบอกอส – ประตูเมืองอาร์โค เดอ ซานต้า มาเรีย – มหาวิหารเบอกอส – บิตอเรีย กาสเตย์ซ

เช้า อาหารเช้า บริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม

04.45 น. ถึงท่าอากาศยาน ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง

07.35 น. โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK141 นำท่านเหินฟ้าสู่ กรุงแมดริด ประเทศสเปน

13.45 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติ กรุงแมดริด ประเทศสเปน หลังพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรพร้อมตรวจเช็คสัมภาระแล้ว นำท่านเดินทางสู่ เบอกอส เมืองที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทางด้านวัฒนธรรม ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของแคว้นคาสตีลมานานกว่า 500 ปี และได้รับการขนานนามว่าเป็น “Cradle of Castile” อีกด้วย

จากนั้น นำท่านเดินข้ามสะพานซานต้ามาเรีย เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองเก่า ชมประตูเมืองอาร์โค เดอ ซานต้า มาเรีย ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 16

แล้วนำท่านชมความยิ่งใหญ่อลังการของ มหาวิหารเบอกอส หรือโบสถ์ซานต้า มาเรีย โบสถ์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศสเปน เริ่มสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1221 แต่กว่าจะแล้วเสร็จก็ใช้เวลาร่วมกว่า 300 ปี

ตลอดระยะเวลาการสร้างได้ใช้ช่างศิลป์ที่ขึ้นชื่อมากหน้าหลายตาจากทั่วทั้งทวีปยุโรป ทั้งการตกแต่งภายในและภายนอกล้วนแล้วแต่เป็นศิลปะแบบกอธิค ที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน มหาวิหารเบอกอสนับเป็นโบสถ์แห่งเดียวในประเทศสเปน ที่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ บิตอเรีย กาสเตย์ซ ให้ท่านได้ชมเมืองหลวงของแคว้นบาสก์ เมืองที่ยังคงรักษาความเป็นเมืองในยุคกลาง โดยท่านจะสังเกตได้จากกำแพงเมืองและหอสังเกตการณ์ซึ่งสร้างบนเนินมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11

ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม NH Canciller Ayala Vitoria หรือในระดับเดียวกัน

วันที่สาม ส. 20 ต.ค. 2561
บิตอเรีย กาสเตย์ซ – บิลเบา – พิพิธภัณฑ์กุกเกนฮาม – ย่านเมืองเก่า คาสโซ่ วีลโจ

เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านชม วิหารซานต้ามาเรีย วิหารสไตล์กอธิค ได้รับการแต่งตั้งจากพระราชากัสติล อัลฟองโซที่แปด ให้เป็นวิหารประจำเมืองเนื่องจากตั้งอยู่จุดที่สูงสุดของเนิน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 วิหารมีการซ่อมแซมบูรณะครั้งใหญ่และยังคงเปิดให้เข้าชมทัวร์วิหารในขณะที่ยังคงบูรณะซึ่งถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ท่านได้เข้าชมในช่วงนี้

กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ บิลเบา เมืองศูนย์กลางของแคว้นบาสก์ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศ บิลเบาเป็นเมืองสมัยใหม่ที่มีอาคารสถาปัตยกรรมรูปทรงต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงอนุรักษ์ย่านเขตเมืองเก่าเอาไว้เป็นอย่างดีจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กุกเกนฮาม พิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลป์ของศิลปินชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็น Picasso, Motherwell และ Rauschenberg เป็นต้น ตัวอาคารใช้สถาปัตยกรรมการสร้างสไตล์โมเดิร์นที่โดดเด่นตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองไปแล้ว โดยเป็นผลงานการออกแบบของสถาปนิกชาวอเมริกาเหนือนามว่า Frank O Gehry เริ่มสร้างในปีค.ศ. 1991 โดยรัฐบาลได้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ

เปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรกในวันที่ 18 ตุลาคม 1997 โดย Juan Carlos ที่ 1 แห่งสเปน และมีผู้เข้าร่วมพิธีเปิดกว่า 5,000 คน ภายใน 3 ปีแรกหลังการเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าชมกว่า 4 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 500 ล้านยูโร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรอบ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือโรงแรม มีรายได้รวมกว่า 100 ล้านยูโร

แล้วนำท่านสู่ ย่านเมืองเก่า คาสโซ่ วีลโจ ในภาษาสเปนแปลว่าถนนทั้งเจ็ด เนื่องจากในบริเวณนี้มีถนนตัดผ่านทั้งหมดเจ็ดสาย เล็ก ๆ แคบ ๆ เสมือนซอยทั้งเจ็ด ย่านนี้เป็นย่านที่มีสีสัน เรียงรายไปด้วยร้านค้า โรงแรมเล็ก ๆ และโบสถ์เก่าที่มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์มากมาย อิสระให้ท่านได้เดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จนถึงเวลานัดหมาย

ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม NH Collection Villa de Bilbao หรือในระดับเดียวกัน

วันที่สี่ อา. 21 ต.ค. 2561
บิลเบา – หาดเพลนท์เซีย – ชิมไวน์ Crusoe Treasure – ซาน ฆวน เด กัสเตลูกัชเช่ – บิลเบา

เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่หาด เพลนท์เซีย เพื่อนำท่านสัมผัสประสบการณ์ใหม่ จาก Crusoe Treasure Winery นำท่านล่องเรือชมสถานที่แรกในโลกที่สร้างที่เก็บไวน์ไว้ใต้มหาสมุทร และชิมไวน์ซึ่งถูกหมักบ่มไว้ใต้น้ำทะเลเป็นเวลาหลายปี

(หมายเหตุ การล่องเรืออาจไม่เปิดให้บริการ หากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย เพื่อความปลอดภัยของผู้บริการ)

กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ซาน ฆวน เด กัสเตลูกัชเช่ มีความหมายว่าปราสาทหินในภาษาบาสก์ เป็นเกาะรูปทรงโคน มีสะพานหินเชื่อมสู่ตัวเกาะด้วยบันได 241 ขั้น ตั้งอยู่บนแนวชายหาดบนอ่าวบิสเกย์ ด้านบนสุดของเกาะ เป็นที่ตั้งของโบสถ์ซึ่งอุทิศให้แก่นักบุญจอห์น (John the Baptist)

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับเมือง บิลเบา

ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม NH Collection Villa de Bilbao หรือในระดับเดียวกัน

วันที่ห้า จ. 22 ต.ค. 2561
บิลเบา – ซาน เซบาสเตียน – ตลาด ลาเบรช่า – ย่านเมืองเก่า – ทัวร์รับประทานพินโชส Pintxos –ชมวิวบนยอดเขาอิกูเอลโด – ซาน เซบาสเตียน

เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ซานเซบาสเตียน เมืองทางตอนเหนือของประเทศสเปน ห่างจากพรมแดนประเทศฝรั่งเศสประมาณ 20 กิโลเมตร ด้วยลักษณะภูมิศาสตร์ทางธรรมชาติที่แสนงดงาม ตัวเมืองหันหน้าเข้าสู่ทะเล และยังโอบล้อมไว้ด้วยภูเขา จึงทำให้เมืองนี้ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวระดับโลกมานานกว่า 2 ศตวรรษ

อีกทั้งเมืองนี้ ยังมีชื่อเสียงทางด้านโภชนาการ และอาหารการกิน ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็หาร้านอาหารที่ได้รับมิชิลินสตาร์ไม่ยากเมื่อเทียบกับเมืองอื่นในทวีปยุโรป เมืองนี้มีร้านอาหารที่ได้รับมิชิลินสตาร์ระดับ 3 ดาวอยู่ถึง 3 ร้านจากทั้งหมด 5 ร้านในประเทศสเปน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่เมืองนี้จะได้รับสมญานามให้เป็น “World Famous Food Tourism Destination”

นำท่านเดินทางสู่ ตลาด ลาเบรช่า ตลาดใหญ่กลางเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางในการจับจ่ายของสดมาทำอาหารขึ้นชื่อตามร้านต่างๆในเมือง ตัวอาคารสร้างขึ้นในสไตล์โรมันและกรีซแบบโบราณ ชั้นใต้ดินเป็นซุปเปอร์มาเก็ต อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัยจนถึงเวลา นัดหมาย

จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ย่านเมืองเก่า ลา พาร์ท วีจา เมืองเก่าที่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่หลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปีค.ศ. 1813 ตลอดสองข้างทาง จะเป็นถนนเล็ก ๆ ที่ถูก โอบล้อมด้วยบ้านเรือนสมัยยุคกลาง ซึ่งปัจจุบันได้ดัดแปลงเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ผับ และบาร์ต่าง ๆ มากมาย นับเป็นย่านที่มีสีสัน และครึกครื้นตลอดทั้งปี

ด้านล่างของย่านเมืองเก่ายังมีย่าน โรแมนติคเซ็นเตอร์ ย่านนี้เรียงรายไปด้วยตึกสวยงามสไตล์ฝรั่งเศสซึ่งสร้างในปลายศตวรรษที่ 19 ส่วนใหญ่เป็นร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร และยังมี โบสถ์กู้ดเชพเพิร์ด สร้าง ในสไตล์ยุโรปซึ่งแสดงถึงการได้รับอิทธิพลจากชาวต่างชาติที่เข้ามาวางผังเมืองทางสถาปัตยกรรมในช่วงศตวรรษที่ 19

กลางวัน ให้ท่านได้ร่วม ทัวร์รับประทานพินโชส Pintxos สำหรับพินโชสนั้น ถือเป็นเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการทานอาหารของชาวบาสก์ มีลักษณะเป็นของว่างหลากหลายอย่างขึ้นอยู่กับการรังสรรค์ของพ่อครัวแต่ละร้าน โดยจะกลัดไม้เล็กๆสามารถทานได้ในคำเดียว ส่วนใหญ่จะเสิร์ฟในบาร์ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

หลังอาหาร นำท่านเดินทางด้วยรถรางสู่ ยอดเขาอิกูเอลโด ท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์อันสวยงามของชายหาด ลา คอนช่า ซึ่งโค้งรับกับตัวเมืองซานเซบาสเตียน

นอกจากนั้น บนยอดเขายังมี สวนสนุกเก่าแก่ที่สุดในแค้วนบาสก์ ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1911 และยังมีประภาคารเอล ตอเรออน สร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ก่อน คอยส่องไฟนำทางเรือที่จะมายังเมืองซาน เซบาสเตียนก่อนที่ประภาคารหลังใหม่จะถูกสร้างต่อมาใน ค.ศ.1854 ในตัวประภาคารยังคงมีการจัดแสดงรูปถ่ายในสมัยอดีตให้ท่านได้ชม

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ ซาน เซบาสเตียน

ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Londres y Inglaterra หรือในระดับเดียวกัน

วันที่หก อ. 23 ต.ค. 2561
ซาน เซบาสเตียน – ชิมไวน์ ณ มาร์เกส เด ริสกาล – บายาโดลิด

เช้า  อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ ไร่ไวน์มาร์เกส เด ริสกาล ไร่ไวน์ที่เก่าแก่ของแคว้นลาริโอคา ที่เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1858 องุ่นหลายสายพันธุ์ที่ปลูกอยู่บนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร อีกทั้งอาคารยังได้รับการออกแบบ และสร้างโดยสถาปนิกชื่อดังคนเดียวกันกับที่สร้างพิพิธภัณฑ์กุกเกนฮามที่บิลเบาอีกด้วย

หลังคาใช้ไทเทเนี่ยมเป็นวัสดุหลัก สีที่ใช้มีทั้งหมด 3 สีคือ สีชมพู สีทอง และสีเงิน แต่ละสีต่างมีความหมายและที่มาที่ไปในตัวเอง

พิเศษ!! ให้ท่านได้ลิ้มลองรสชาติของไวน์องุ่น และเลือกซื้อไวน์เป็นของฝากที่ไร่มาร์เกส เด ริสกาล

กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ บายาโดลิด

ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Melia Recoletos หรือในระดับเดียวกัน

วันที่เจ็ด พ. 24 ต.ค. 2561
บายาโดลิด – เซอโกเบีย – สะพานส่งน้ำ – ลาส โรซาส วิลเลจเอาท์เล็ต – แมดริด

เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เซอโกเบีย เมืองโบราณบนภูเขา ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่ปีค.ศ. 1975 เซอโกเบียถือได้ว่าเป็นมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเคยถูกครอบครองโดยอาณาจักรโรมันโบราณมาก่อน ดังนั้นร่องรอยความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมสไตล์โรมันจึงปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัดทั่วทั้งเมือง

แล้วนำท่านชมกับความยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ยุคโรมันโบราณ ซึ่งว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองนี้ นั่นก็คือ สะพานส่งน้ำโบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 โดยชาวโรมันขณะที่กำลังขยายอำนาจในคาบสมุทรไอบีเรียเพื่อลำเลียงน้ำจาก แม่น้ำฟรีโอ ซึ่งห่างจากเมืองออกไปประมาณ 18 กิโลเมตร ตัวกำแพงมีจุดเก็บกักน้ำเสมือนแทงค์ขนาดใหญ่ที่สร้างด้วยอิฐที่สามารถจุน้ำได้หลายแกลลอน ทำให้สะพานแห่งนี้มีความยาวโดยรวมกว่า 30 กิโลเมตร และมีจุดที่สูงที่สุดสูงถึง 28.5 เมตรเลยทีเดียว

แม้ในปัจจุบันสะพานแห่งนี้จะเหลือความยาวเพียงแค่ 700 เมตร และไม่ได้ใช้งานแล้ว แต่ทางหน่วยงานรัฐก็ยังคงอนุรักษ์สะพานส่งน้ำนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวท้องถิ่นและชาวต่างชาติ ได้เห็นถึงความอลังการการก่อสร้างในยุคโรมันโบราณ พร้อมทั้งถ่ายภาพ เก็บไว้เป็นที่ระลึก

กลางวัน อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

หลังอาหาร นำท่านเดินทางสู่ เอาท์เล็ตมอลล์ขนาดใหญ่ ลาส โรซาส วิลเลจเอาท์เล็ต ซึ่งมีร้านค้าแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 100 ร้านค้า ให้ท่านสามารถสนุกสนานกับการจับจ่ายสินค้าไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้าบุรุษ เสื้อผ้าสตรี อุปกรณ์กีฬา ของใช้ภายในบ้าน และอื่น ๆ อีกมายมาย ซึ่งเป็นสินค้าแฟชั่น ในราคาลดพิเศษสุด อาทิเช่น Armani, Burberry, Bally, Diesel, Hugo Boss ฯ อิสระให้ท่านช้อปปิ้งจนถึงเวลานัดหมาย

ได้เวลานัดหมาย นำท่านเดินทางสู่ กรุงแมดริด เมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างแรม ณ โรงแรม Melia Princesa หรือในระดับเดียวกัน

วันที่แปด พฤ. 25 ต.ค. 2561
แมดริด – ขับรถโกคาร์ชมเมือง – ถนนกรานเบีย – ช้อปปิ้งย่านถนนเซอราโน่ – ท่าอากาศยานแมดริด

หลังอาหาร นำท่าน เปิดประสบการณ์ขับรถโกคาร์ เที่ยวชมกรุงแมดริด (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง) สัมผัสประสบการณ์การชมเมืองหลวงแบบใหม่ไปกับรถโกคาร์ สนุกสนานพร้อมเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพตามจุดต่างๆ ที่สำคัญของเมือง ค้นพบแมดริดจากมุมมองที่แตกต่าง ด้วยรถโกคาร์ (Go Car) สีเหลืองสดใสคันเล็กน่ารักที่สั่งทำขึ้นเป็นพิเศษ ขับง่าย และเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมแมดริด

ท่านสามารถขับโกคาร์ไปรอบเมือง แมดริด ผ่านชมสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่สำคัญ และสัญลักษณ์ต่างๆ ของแมดริด พร้อมด้วยระบบนำทาง GPS และไกด์นำเที่ยวด้วยระบบเสียง ท่านสามารถหยุดชมสถานที่ต่างๆ หรือหยุดถ่ายภาพประทับใจได้อย่างสะดวกสบาย (ผู้ขับจำเป็นต้องมีใบอนุญาตขับขี่พาหนะในต่างประเทศ)

เช้า อาหารเช้า ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

จากนั้น นำท่านสู่ ย่านถนนกรานเบีย แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงมาดริด อยู่บริเวณใจกลางเมือง สถานที่ซึ่งมีโรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า และโรงภาพยนตร์มากมาย รวมถึงท่านจะได้พบกับสถาปัตยกรรมอันหรูหราได้อย่างแพร่หลายในแถบย่านนี้ อิสระให้ท่านช้อปปิ้ง ซื้อสินค้าทันสมัย พร้อม ๆ กับชมความงามของสถาปัตยกรรมจนถึงเวลานัดหมาย

กลางวัน อาหารกลางวัน อิสระตามอัธยาศัย

ท่านสามารถเลือกทานอาหารจากร้านอาหารที่ท่านชื่นชอบ โดยบริษัท ฯ ได้จัดเตรียมงบประมาณให้ท่านละ 20 ยูโร

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ถนนเซอราโน่ ใจกลางย่านเขตซาลามังก้า ถนนช้อปปิ้งชื่อดังที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ตลอดสองข้างทาง อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ร้านค้าของแบรนเนมระดับ Hi-end นับเป็นอีกย่านที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งตลอดทั้งปีเลยทีเดียว

ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานกรุงแมดริด

22.05 น. โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK144 นำท่านเหินฟ้าสู่ ดูไบ

อาหารบริการบนเครื่องบินพร้อมเครื่องดื่ม

พักค้างแรมบนเครื่องบิน

วันที่เก้า ศ. 26 ต.ค. 2561
ดูไบ – กรุงเทพฯ

เช้า อาหารเช้าบริการบนเครื่องบิน พร้อมเครื่องดื่ม

07.15 น. ถึงท่าอากาศยาน ดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะพักเพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง

09.40 น. โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK372 นำท่านเหินฟ้าสู่ กรุงเทพ ฯ

19.15 น. ถึงท่าอากาศยานกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมด้วยความประทับใจ

Comments

comments